วิธีเลือกซื้อกีตาร์ - 4 อย่างที่ต้องทำก่อนซื้อกีตาร์ไฟฟ้า
ซื้อกีต้าร์ไฟฟ้าทั้งที ทำอย่างไรให้ได้ตัวที่ดีเเละถูกใจที่สุด?
หลายๆคนที่มองหากีต้าร์ตัวใหม่อยู่ อาจจะคิดไม่ตกว่าจะซื้อกีต้าร์ตัวไหนดี ในเมื่อตัวนี้ก็ชอบตัวนั้นก็มีคนบอกว่าดี รวมถึงยังกลัวว่ากีต้าร์ที่ซื้อมาจะได้คุณภาพรึเปล่า?
ในบทความนี้เรามี 4 เคล็ดลับก่อนซื้อกีต้าร์ตัวหนึงมาฝากกันครับ
1.
1. เลือกทรงกีต้าร์
เพราะกีต้าร์จะอยู่กับคุณไปอีกนานเเละมีราคาสูงเลยต้องเลือกกีต้าร์ที่คุณชอบที่สุด ชอบจริงๆ
ทรงกีตาร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกีต้าร์ทรงที่ไอดอลของคุณ ใช้อยู่นั้นเเหละเเละหนีไม่พ้นทรงเหล่านี้
Stratocaster, Fender Telecaster Les Paul, SG, Superstrat Ibanez (ค้นหารูปประกอบจะได้เห็นภาพครับ)
พยายามอย่าไปเชื่อเวลามีคนมาบอกว่าให้เอาทรงโน้นทรงนี้ เพราะมันจะทำให้เราไข้วเขว เเละสุดท้ายเราก็อาจจะได้กีต้าร์ที่คนอื่นชอบ เเต่เราไม่ได้ชอบจริงๆ
เพราะใครเป็นคนซื้อละครับ? ก็คุณนั้นเเหละ! ถ้าเกิดลังเลใจ ให้พุ่งเป้าไปที่ตัวเเรกที่เราอยากได้
กีตาร์ทรงยอดฮิตมีเอกลักษณ์เเละให้เสียงประมาณนี้
Stratocaster (สตราโตคาสตอร์)
เป็นกีต้าร์ทรงที่ฮิตที่สุดในโลกก็ว่าได้ ให้เสียงที่ค่อนข้างใส
เหมาะสำหรับแนวเพลงที่ต้องการเสียงกีตาร์ชัดๆใสๆ เช่น แนวป๊อป, บลูส์, แจ๊ซ
สามารถเล่นได้หลากหลายเเนว มีสวิทซ์ผสมเสียงให้เลือกเสียงถึง 5 เสียง ทุ้ม - เเหลม
เเต่หากเล่นกับเสียงเอฟเฟคดิสทอร์ชั่นเเรงๆ (distortion)
จะมีเสียงจี่ (เสียงรบกวน) หากใช้ปิ๊กอัพที่ตำแหน่ง 1, 3 เเละ 5
กีตาร์ทรงนี้ผลิตโดย Fender เเละมีอีกหลายๆยี่ห้อที่ผลิตกีตาร์ทรงนี้เช่น Squier
Les Paul (เลสพอล)
อีกหนึ่งทรงกีตาร์ ที่ฮิตที่สุดในโลกไม่เเพ้กับสตรัท เอกลักษณ์เสียงมีความใหญ่ของเสียง หนา เเต่นุ่มนวล
สามารถเล่นได้หลากหลายเเนว หากเล่นกับเสียงดิสทอร์ชั่นหรือโอเวอร์ไดรฟ
(distortion & overdrive) จะไม่มีเสียงรบกวน
เหมาะสำหรับแนวแพลงที่ต้องการเสียงกีตาร์ที่แรงมีพลัง เช่น แนวร็อค, เมทัล
Gibson เป็นผู้คิดค้นกีตาร์ทรงนี้ ยี่ห้อที่เป็นที่รู้จักสำหรับการทรงนี้อีกคือ Epiphone
Telecaster (เทเลคาสเตอร์)
เป็นกีตาร์อีกทรงที่ Fender เป็นผู้คิดค้น ทรงนี้จะให้เสียงที่ค่อนข้างเเหลม เเละมีเอกลักษณ์ที่เสียง "เเทวงๆ" เด้งๆ
ตามที่ได้ยินในเพลงคันทรี่ของชาวอเมริกัน นิยมใช้กับเพลงแนวฟั้งค์ คันทรี่ เพลงป๊อป
จริงๆมีกีตาร์อีกมายหลายเเบบ หลายทรง ลองค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตประกอบดูครับ
ทรงกีตาร์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกกีตาร์ไฟฟ้าเลยแหละ
2. กำหนดงบ
พอเราได้ทรงกีตาร์ที่ชอบเเล้ว ก็ถึงเวลาคัดกรองยี่ห้อที่ผลิตกีต้าร์ทรงนั้นๆ งบซื้อกีตาร์ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเลือกซื้อกีต้าร์
ถ้าไม่ตั้งงบประมาณไว้ก่อนให้ชัีดเจน สุดท้ายเป็นไปได้ว่าเวลาที่คุณไปเลือกซื้อกีต้าร์ อาจจะได้กีต้าร์ตัวที่เเพงกว่างบที่ตั้งไว้ เมื่อเห็นตัวอื่นที่ถูกใจเเต่มีราคามากกว่า อาจจะทำให้เกิดปัญหาการเงินตามมาได้
อีกอย่างคืองบประมาณ จะเป็นตัวเปรียบเทียบกีต้าร์ได้ดี เช่น ตั้งงบไว้ 10000 บาท
ราคานี้เราสามารถซื้อกีต้าร์สเปคเเบบไหนได้บ้าง มีอุปกรณฺ์อะไรพิเศษที่เเตกต่างกันเเต่ละยี่ห้อรึเปล่า
ของเเบรนด์ดังๆ บางทีอาจจะมีสเปค สู้เเบรนด์ล่างๆไม่ได้ เเต่อาจจะมีคุณค่าทางใจเเทน
เราอาจจะชอบสเปคที่เเบรนด์ไม่ดัง ให้มากับกีต้าร์มากกว่าก็ได้ หรืออื่นๆเป็นต้น
เรามีตัวอย่างสำหรับรุ่นของกีตาร์ไฟฟ้า แบ่งตามช่วงราคาตามนี้ครับ
ระดับเริ่มต้น
ราคา 3000 – 8000 บาท
กีตาร์ในช่วงราคานี้เป็นกีตาร์ราคาประหยัด สเปคจะไม่ต่างกันมาก แต่จะต่างในเรื่องของความประณีตของการผลิต
ส่วนใหญ่กีตาร์ที่มีราคา 6000 พันขึ้นไป จะมีสัมผัสที่โอเค งานเฟรตโอเค การเซ็ตอัพที่ได้มาตรฐาน
ระดับกลาง
ราคา 8000 – 20000 บาท
กีตาร์ในช่วงราคานี้มีความประณีตในการผลิตที่ถือว่าใช้ได้ ขอบเฟรตที่คอกีตาร์จะไม่ค่อยมีความคม
ลื่นมือเวลาเล่น ใช้วัสดุอุปกรณ์ระดับมาตรฐาน บางยี่ห้อใช้อะไหล่คุณภาพสูง
แต่ส่วนใหญ่จะเป็นยี่ห้อที่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เลยจัดสเปคมาเต็มเป็นการทดแทน
ระดับอาชีพ
ราคา 20000 ขึ้นไป
ถือว่าเป็นกีตาร์ระดับมืออาชีพ กีตาร์รุ่นเริ่มต้นของยี่ห้อดังๆเช่น Fender, Gibson, Ibanez, PRS ราคาเริ่มต้นประมาณ 20000 ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะผลิตที่ เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยุโรปตะวันออก
ส่วนรุ่นที่ผลิตที่อเมริกา ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 40000 หมื่นบาทขึ้นไป กีตาร์ที่ราคาประมาณนี้ถูกยกให้เป็นกีตาร์ที่มีมาตรฐานสำหรับการเล่นระดับมืออาชีพ
ศิลปินส่วนใหญ่เเละมือกีตาร์อาชีพ จะชอบใช้กีตาร์ที่ผลิตจากอเมริกา
เพราะจะมีความประณีตในการผลิตอย่างมาก ซื้อมาแล้วเล่นการได้เลยแทบไม่ต้องปรับแต่งอะไรเพิ่ม
เเต่ไม่ใช่ว่ากีตาร์ระดับเริ่มต้นหรือระดับกลาง จะใช้งานในระดับมืออาชีพไม่ได้
แต่ส่วนใหญ่กีตาร์ระดับเริ่มต้น ต้องเอามาปรับแต่งเพิ่ม เช่น เปลี่ยนปิ๊กอัพรับเสียงเพื่อให้คุณภาพเสียงดีขึ้น
เปลี่ยนลูกบิดให้ยึดสายได้แน่นสายไม่หลุดไม่เพี้ยนง่ายเวลาใช้งาน เป็นต้น
ลองกำหนดช่วงราคา ในการตัดสินใจเลือกซื้อกีตาร์ตัวใหม่กันดูนะครับ
3. ไปลองที่ร้าน
หากคุณได้ทรงเเละตั้งงบประมาณเเล้ว ให้คุณเลือกยี่ห้อเเละรุ่น ที่อยู่ในเกณฑ์ 2 - 3 ตัว เเล้วไปลองเล่นกีตาร์ตัวนั้นๆที่ร้านเลย
คราวนี้ก็ถึงเวลาไปลองกีต้าร์กันเเล้ว ถือว่าเป็นด่านหินอย่างเเท้จริง (เเอดมินก็เคย) หลายๆครั้งทุกท่านคงรู้สึกว่า
การไปขอลองกีต้าร์ที่ร้านเป็นเรื่องที่ลำบากใจ น่าอึดอัด เพราะพนักงานบางที่ไม่ได้รับการฝึกฝนให้ต้อนรับลูกค้าเเบบมืออาชีพ
เเต่ขอให้คิดไว้ตลอดว่า "เงินเราๆ" กว่าจะหาเงินมาได้นั้นยากลำบากมาก เพราะฉะนั้นก็ควรได้กีต้าร์ที่อยากได้จริงๆ
พอไปถึงที่ร้าน ก็ขอลองกีตาร์ตัวที่เราทำการบ้านมา เเต่ถ้าเกิดพนักงานร้านพูดไม่ดี ก็เดินออกมาดีกว่าครับ ยังมีร้านอื่นที่ยินดีจะบริการลูกค้าอีกเยอะ! (เงินใครละครับ)
ให้ลองเล่นกีต้าร์ตัวที่อยากได้ก่อนว่าถูกใจมั้ย ที่สำคัญที่สุดสำหรับมือใหม่ น่าจะเป็นสัมผัสที่คอกีตาร์
เวลาเล่น มือเเละนิ้วของเรารู้สึกสบายไหม มีปัญหาในการเล่นเเนวดนตรีของเรารึเปล่า
หากสัมผัสเเละเสียงเป็นที่ถูกใจ เหมือนที่อยากได้จริงๆ
เเละทางร้านมีตัวใหม่ในสต็อค ก็ขอให้ร้านเอาตัวใหม่ให้ลองเล่นอีกครั้ง ว่าสัมผัสเเละเสียงเหมือนกับตัวที่ลองรึเปล่า เพราะกีตาร์ที่อยู่หน้าร้านจะเป็นตัวโชว์
เวลาใครมาลองก็ลองตัวนั้น ทำให้อาจจะมีริ้วรอย หรือชำรุดในบางส่วน ถ้ามีตัวอื่น แล้วเราชอบเหมือนตัวที่ลองก็จะดีกว่า
4. เช็คฟังค์ชั่นการใช้งานของกีตาร์ตามสเปค
คราวนี้ให้เช็คว่าโวลุ่มโทนใช้งานได้ดีรึเปล่า ซีเล็คเตอร์ทำงานปกติมั้ย
เช็คได้โดยการดีดกีตาร์ที่ต่อตู่แอมป์ แล้วหมุนโวลุ่มโทน ว่าหมุนแล้วเสียงเปลี่ยนไหม โวลุ่มใช้เพิ่มลดเสียง โทนใช้ปรับทุ้มแหลม ซีเล็คเตอร์ใช้เลือกการใช้งานปิ๊กอัพ ถ้าเลื่อนไปตำแหน่งอื่นแล้วเสียงไม่ออกซีเล็คเตอร์สวิทซ์น่าจะเสีย
ถ้าไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ให้พนักงานลองเพิ่มลดเสียง ปรับความทุ้มเเหลมให้ฟัง
ให้ลองเล่นโน้ตทุกช่องบนคอกีต้าร์ ทุกช่องจะต้องไม่มีเสียงบอด หรือเเป๊กเวลาดีดทุกช่องจะต้องให้เสียงที่ชัดเจนไม่ติดขัด
หากมีก็ขอให้ที่ร้านเซ็ตอัพให้ก่อน หากเซ็ตอัพเเล้วปัญหายังไม่หาย ก็ขอลองตัวใหม่
(เซ็ตอัพคือการปรับเเต่งกีตาร์ให้พร้อมใช้งาน หากเซ็ดอัพแล้วกีตาร์เล่นได้ปกติถือว่าเป็นกีตาร์ที่ไม่มีปัญหา)
ถ้าทางร้านไม่สามารถเซ็ตอัพให้ได้ เเต่กีตาร์เมีปัญหาเวลาเล่น เเนะนำอย่าซื้อครับ
เพราะเราไม่รู้ว่าปัญหามันใหญ่ขนาดไหน เเละต้องเสียงเงินซ่อมอีกเท่าไหร่ ให้ไปที่ร้านอื่นที่มีกีต้าร์รุ่นที่อยากได้ดีกว่า
*******************
ลองใช้ 4 วิธีนี้ไปเลือกซื้อกีตาร์-เบสดู หวังว่าจะได้กีตาร์ตัวที่ถูกใจเราจริงๆนะครับ
****************
หากว่าบทความนี้มีประโยชน์ อย่าลืม share ไปให้เพื่อนๆเราเห็นด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาด ในการซื้อกีตาร์ตัวใหม่นะครับ
หน้าที่เข้าชม | 1,632,170 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 889,990 ครั้ง |
เปิดร้าน | 13 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |